การแต่งตัววินเทจหมายถึงการแต่งตัวที่มีสไตล์ย้อนยุค โดยมักจะยึดถือแฟชั่นจากยุค 1920s ถึง 1980s ซึ่งแต่ละยุคก็มีเอกลักษณ์และเสน่ห์ที่แตกต่างกันไป ตัวอย่างเช่น สไตล์ flapper จากยุค 1920s ที่เน้นเสื้อผ้าแนบเนื้อและเครื่องประดับที่มีความหรูหรา หรือสไตล์ hippie จากยุค 1960s ที่เน้นความสบายและความเป็นธรรมชาติ
ความนิยมในการแต่งตัววินเทจเริ่มกลับมาในช่วงปี 1990s และยังคงเป็นที่นิยมจนถึงปัจจุบัน ผู้คนมักจะหันมาสนใจเสื้อผ้ามือสองและการรีไซเคิลเสื้อผ้าเก่าๆ เพื่อสร้างสรรค์ลุคที่ไม่เหมือนใคร
หนังที่ต้องดูถ้าอยากแต่งตัววินเทจ
หากต้องการแรงบันดาลใจในการแต่งตัววินเทจ ไม่ควรพลาดหนังเหล่านี้
- The Great Gatsby (2013) – ได้แรงบันดาลใจจากยุค 1920s กับเสื้อผ้าหรูหราและการตกแต่งที่เยี่ยมยอด
- Grease (1978) – หนังเพลงสุดคลาสสิกที่เต็มไปด้วยสไตล์ rock ‘n’ roll ของยุค 1950s
- Breakfast at Tiffany’s (1961) – ไอคอนของแฟชั่นยุค 1960s ที่ทุกคนควรดู
- Almost Famous (2000) – หนังที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของยุค 1970s
- Clueless (1995) – ไอคอนของแฟชั่นยุค 1990s ที่เป็นที่จดจำ
ศิลปินที่ควรติดตามสำหรับไอเดียแต่งตัววินเทจ
- Dita Von Teese – ราชินีแห่งการแต่งตัววินเทจที่เป็นไอคอนของแฟชั่นยุค 1940s และ 1950s
- Harry Styles – นักร้องที่มีสไตล์การแต่งตัวที่ผสมผสานความวินเทจอย่างลงตัว
- Lana Del Rey – นักร้องที่มีสไตล์การแต่งตัววินเทจในแบบของยุค 1960s และ 1970s
- Florence Welch – นักร้องจาก Florence + The Machine ที่มีสไตล์การแต่งตัววินเทจแบบยุค 1970s ที่โดดเด่น
- Zooey Deschanel – นักแสดงและนักร้องที่มีสไตล์การแต่งตัววินเทจแบบยุค 1950s และ 1960s
10 ไอเทมห้ามพลาดสำหรับแต่งตัววินเทจ
ถ้าพูดถึงการแต่งตัววินเทจ นี่คือ 10 ไอเท็มที่คุณไม่ควรพลาด
- เสื้อเชิ้ตลายดอกไม้ – ให้ลุคที่สดใสและเป็นธรรมชาติ
- กระโปรงสั้นทรงเอไลน์ – เพิ่มความน่ารักแบบยุค 1960s
- แว่นกันแดดทรงตาแมว – ให้ลุคที่ดูเก๋และมีสไตล์
- กางเกงยีนส์เอวสูง – ไอเท็มที่ขาดไม่ได้ในทุกยุค
- รองเท้าส้นสูงแบบเข็ม – เพิ่มความหรูหราและเซ็กซี่
- กระโปรงพลีท – สไตล์ที่ดูหวานและน่ารัก
- เสื้อยืดลายวงดนตรี – สื่อถึงความเป็นตัวเองและความชิค
- แจ็คเก็ตยีนส์ – ไอเท็มที่ดูดีและใช้ง่ายในทุกสถานการณ์
- เสื้อคาร์ดิแกน – ให้ลุคที่อบอุ่นและเป็นกันเอง
- เดรสลายจุด – สไตล์ที่ดูคลาสสิกและน่ารัก
เทคนิคเพิ่มเติมสำหรับแต่งตัววินเทจ
- เลือกไอเท็มที่ทันสมัยผสมผสานกับวินเทจ – ไม่ต้องแต่งตัวแบบวินเทจทั้งตัว การเลือกไอเท็มที่ทันสมัยมาผสมผสานจะทำให้ลุคดูสดใหม่
- เน้นสีสันที่สดใส – เลือกเสื้อผ้าสีสันสดใสเพื่อเพิ่มความสดชื่นและความสนุกสนาน
- ใช้เครื่องประดับน้อยๆ – เครื่องประดับที่มากเกินไปอาจทำให้ดูแก่ เลือกใช้เพียงชิ้นเดียวหรือสองชิ้นที่โดดเด่น
- เลือกรองเท้าที่ทันสมัย – รองเท้าที่ทันสมัยจะช่วยบาลานซ์ลุควินเทจให้ดูไม่เชย
- แต่งหน้าให้ดูทันสมัย – การแต่งหน้าที่เน้นความเป็นธรรมชาติจะช่วยให้ลุคดูทันสมัยและไม่แก่
Subculture ของการแต่งตัววินเทจ
การแต่งตัววินเทจไม่ได้เป็นเพียงแค่สไตล์แฟชั่น แต่ยังมีการแบ่งแยกออกเป็นหลายๆ subculture ที่แต่ละกลุ่มมีเอกลักษณ์และลักษณะเฉพาะของตัวเอง มาดูกันว่ามี subculture ไหนบ้างที่น่าสนใจในการแต่งตัววินเทจ:
1. Pin-up
สไตล์ Pin-up ย้อนกลับไปยังยุค 1940s และ 1950s โดดเด่นด้วยชุดเดรสรัดรูป ลายจุด สีแดงสด และเครื่องประดับที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ เช่น แว่นกันแดดทรงตาแมว ผ้าคาดผม และรองเท้าส้นสูง
2. Rockabilly
Rockabilly ผสมผสานระหว่างร็อกแอนด์โรลและวัฒนธรรมย้อนยุค สไตล์นี้มีความโดดเด่นด้วยเสื้อเชิ้ตลายดอกไม้ กางเกงยีนส์ขาดๆ แจ็คเก็ตหนัง และทรงผมทรงปอมปาดัวร์
3. Mod
สไตล์ Mod เป็นที่นิยมในยุค 1960s ในสหราชอาณาจักร โดดเด่นด้วยชุดเดรสสั้นทรงเอไลน์ ลายเรขาคณิต กางเกงขาสั้น และรองเท้าบูทสูง
4. Hippie
Hippie เป็น subculture ที่เน้นความเป็นธรรมชาติและความสงบสุข สไตล์นี้ประกอบด้วยเสื้อผ้าลายดอกไม้ กระโปรงยาว เสื้อยืดทรงหลวม และเครื่องประดับจากธรรมชาติ
5. Bohemian
สไตล์ Bohemian หรือ Boho มีความโดดเด่นด้วยเสื้อผ้าลายลูกไม้ กระโปรงยาวที่มีลวดลาย หัวเข็มขัดขนาดใหญ่ และเครื่องประดับที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ เช่น ขนนกและไม้
6. Punk
สไตล์ Punk เกิดขึ้นในยุค 1970s และเน้นความเป็นตัวของตัวเองและความท้าทาย สไตล์นี้ประกอบด้วยเสื้อยืดลายวงดนตรี แจ็คเก็ตหนัง กางเกงยีนส์ขาดๆ และรองเท้าบูทหนักๆ
7. New Wave
New Wave มีความโดดเด่นด้วยสีสันสดใสและการใช้ลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ สไตล์นี้มักจะมีเสื้อผ้าที่มีการตกแต่งด้วยโลหะ ลวดลายกราฟิก และการแต่งหน้าที่ดูเฟี้ยวฟ้าว
การแต่งตัววินเทจในแต่ละ subculture มีเอกลักษณ์และเสน่ห์เฉพาะตัว ลองเลือกและผสมผสานสไตล์ที่ชอบให้เข้ากับตัวเองเพื่อสร้างลุคที่ไม่ซ้ำใครและดูเก๋ไม่เบา!